๒๕๕๐-๑๐-๒๙

Witthaya Interview 8

อั๋น วิทยา วสุไกรไพศาล Man in Style




พระเอกหนังเขย่าขวัญมาดขรึมที่เราเห็นในจอ จริงๆแล้วตัวตนของเขาไม่หมองหม่นเหมือนในหนัง แต่กลับสดใสและเป็นกันเองแบบที่เราคาดไม่ถึง Labelle ฉบับนี้ ชวนทุกคนมาสัมผัสกับความน่ารักของชายหนุ่มอัธยาศัยดีคนนี้พร้อมๆกัน

ตอนนี้มีงานอะไรอยู่บ้าง

กำลังถ่ายภาพยนตร์เรื่องแฝดของ GTH อยู่ ชื่อภาษาอังกฤษคือ Alone ช่วงกันยายนคงปิดกล้อง รับบทเป็นสถาปนิกที่ไปอยู่ประเทศเกาหลี เป็นหนังผีคล้ายๆที่เล่น เรื่องโคลิค แล้วก็จะมีละครตอนประมาณปลายปี ยังไม่ทราบรายละเอียดเท่าไหร่ครับ

เล่นหนังผีหลายเรื่อง กลัวคนจะติดภาพไหม

ไม่กลัวครับ เราเป็นนักแสดงขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะที่เข้ามามากกว่า ตัวเราไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีงานอะไรเข้ามาบ้าง แล้วเค้าเลือกเราหรือเปล่า ถ้ามีงานเข้ามาแต่เค้าไม่เลือกเรามันก็ไม่มีประโยชน์

ตัวจริงๆเป็นคนกลัวผีหรือเปล่า

ไม่ได้กลัวมากๆแต่ก็กลัวบ้าง เพราะเรารู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เรามองไม่เห็น มันมีอยู่จริงแต่เราไม่เคยเจอ ถ้าเราเห็นจริง เราจะบอกได้ว่าเรากลัวหรือไม่กลัว เพราะสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่น่ากลัวเท่าที่เราคิดก็ได้ แต่ถ้าเห็นจริงๆ เมื่อไหร่ก็จะบอกคนอื่นๆให้รู้ด้วยแล้วกัน

บทบาทไหนที่อยากลองเล่นมากที่สุด

บทบู๊ครับ ยังไม่เคยเล่น อาจจะมีบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่รู้ว่ายาก ร่างกายต้องฟิตเพราะว่าบางทีเราถ่ายภาพยนตร์มันค่อนข้างหนักกว่าละคร นี่ก็เพิ่งได้รับบาดเจ็บมา แต่ไม่ใช่หนังบู๊นะครับ หนังผีนี่แหละเติมไฟให้ตัวเองในวันพักผ่อนนอนครับ แล้วก็พยายามกินวิตามินเสริม มันช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นได้ น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นด้วย งงเหมือนกัน ตอนที่ถ่ายหนังเรื่องแฝดนี่แหละ เป็นฉากที่ต้องโดนฝนอยู่หลายชั่วโมง เขาใช้สปริงเกอร์ฉีดตั้งแต่สองทุ่มยันตีสอง อยู่เปียกๆอย่างนั้นทั้งคืน ร่างกายเราไม่เป็นอะไรแต่ทีมงานที่ใส่เสื้อกันฝนเขาเป็นหวัดกัน เราก็เลยรู้ว่ามันช่วยได้นะ เพราะช่วงนั้นพักผ่อนน้อยด้วย ถ้ามีเวลาว่างจริงๆ ก็อ่านหนังสือเล่นเพื่อเปิดโลกทัศน์ตัวเอง จะชอบอ่านแนวจิตวิทยา ตอนนี้อ่านเรื่องเกี่ยวกับการถอดจิต เพราะนักแสดงสำคัญที่จิตใจ ถ้าเราสั่งจิตเราได้ทุกอย่างก็จะโอเค ทุกสิ่งรอบตัวเรามันเกี่ยวกับเรื่องงานของนักแสดงหมด นั่งคุยกันแบบนี้หรือเดินไปเจอผู้คนก็เกี่ยวเราจะเก็บเป็นรายละเอียดได้ถ้าเราตั้งใจ ถือเป็นการฝึกสังเกตมากกว่า

งานอดิเรกยามว่าง

ถ้ามีเวลาว่างก็อยากเล่นเพนท์บอลครับ ช่วงที่งานไม่ยุ่งก็ไปเล่นอาทิตย์ละครั้งไปแจมกับรุ่นพี่ที่รู้จัก แต่หลังๆไม่ได้ไปเล่นนานแล้ว เพราะเหนื่อยจากงาน ต้องขอพักผ่อนก่อนให้ร่างกายมันเต็มที่เพราะเล่นเพนท์บอลมันต้องใช้กำลังเยอะ มันดูเหมือนง่าย แต่จริงๆไม่ใช่ต้องใช้ทักษะและเทคนิคในการเล่น ร่างกายต้องแข็งแรงพอสมควร เพราะต้องวิ่งแบกปืนไปด้วย



สไตล์การแต่งตัวที่ใช่

เป็นอย่างที่เห็น คือง่ายๆสบายๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ เครื่องประดับที่ใส่ติดตัวเป็นประจำตอนนี้ก็คือ Wristband เรารักพระเจ้าอยู่หัว แค่อย่างเดียวครับ ส่วนน้ำหอมก็เคยใช้บ้าง แต่พอใส่แล้วจะเวียนหัวกลิ่นเอง ตอนนี้เลยใช้แค่โรลออนกับบอดี้สเปรย์ก็หอมแล้วครับ แล้วก็จะมีเป้คู่ใจไว้ใส่ของที่ต้องใช้ไว้ตลอดเวลา อย่างพวกวิตามิน บทเอาไว้ท่อง กระดาษเช็ดหน้า โฟมล้างหน้า แล้วก็ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเครื่องโกนหนวดครับ คือจะโกนให้ความยาวมันขนาดนี้ตลอด

วิธีดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ

เมื่อก่อนเป็นคนที่ไม่ค่อยดูแลหน้า ไม่เคยทาครีมเลย แต่ตอนนี้ก็พยายามทาให้มากขึ้น เวลากลับจากทำงานตอนกลางคืนจะล้างหน้าก่อนนอน ผมนี่อาจจะสระบ้างไม่สระบ้าง แต่หน้านี่ต้องล้างทุกครั้ง

ผู้ชายสไตล์ อั๋น-วิทยาจริงๆ

เป็นคนอื่นอาจจะสงสัยว่าผมเป็นผู้ชายสไตล์ไหน เพราะหลายคนอาจจะมองแค่เพียงภาพภายนอกแล้วสิ่งที่เขารู้สึกก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมเป็นก็ได้ จริงๆแล้วผมเป็นคนเงียบๆ สบายๆ ไม่ชอบพิธีรีตอง เป็นคนไม่ค่อยชอบออกงานสังคม แต่ด้วยอาชีพก็เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าจะใช้คำว่า สมถะก็ได้ ไม่มีอะไร สั้นๆครับ

---------------------------------------

ข้อมูลจาก
ลาเบลล์ วีคลี่ ฉบับที่ 7 (สิงหาคม 2006)

-----------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น: